Search
Close this search box.

ไอศกรีมโยเกิร์ตแบบแท่งทำเองง่ายๆ ไม่ใช้เครื่อง

ไอศกรีมโยเกิร์ตเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน ด้วยอากาศประเทศไทยที่ร้อนเกินบรรยาย จะมีอะไรดับกระหายคลายร้อนได้ดีกว่าไอศกรีม แต่จะดีกว่าไหมถ้าไอศกรีมมื้อนี้ ทั้งอร่อยคลายร้อนและได้สุขภาพที่ดีด้วย ไอศกรีมเป็นผลิตภัณฑ์จากนมที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ด้วยความที่รสชาติหวานมัน อร่อย โดยไอศกรีมทั่วๆไปจะผลิตจากครีมที่ได้จากนมโค นำมาผสมกับน้ำตาลและกลิ่นวานิลลา ช็อคโกแลตหรือใส่รสชาติเป็นผลไม้ต่างๆ

แล้วนำมาผ่านเครื่องทำไอศกรีม แต่วันนี้เราขอเสนอไอกรีมโยเกิร์ตแบบแท่งทำทานเองได้ที่บ้าน เลือกใช้กรีกโยเกิร์ตเป็นวัตถุดิบหลักเนื่องจากมีปริมาณไขมันนมมากกว่าโยเกิร์ตธรรมดา จะให้เนื้อสัมผัสของไอศกรีมที่นุ่มฟูมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นกรีกโยเกิร์ตที่ผลิตจากน้ำนมโคคุณภาพดีมีไขมันและสารอาหารสูงจะยิ่งทำให้รสชาติเข้มข้นมากยิ่งขึ้นค่ะ จะมีวิธีทำและอุปกรณ์อะไรบ้างตามมาดูกันเลย

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

1.แม่พิมพ์ไอศครีม (หาซื้อได้ทั่วไป แถวร้านทุกอย่าง 20 ก็มีนะคะ)

2.เครื่องปั่นน้ำผลไม้ (ใช้เป็นรุ่นไหนก็ได้นะคะไม่จำเป็นต้องกำลังไฟฟ้าสูงก็ใช้ได้ค่ะ)

3.ช่องแช่แข็งของตู้เย็น (อันนี้น่าจะมีกันทุกบ้านแต่ขอพื้นที่ให้น้องหน่อยนะคะ)

วัตถุดิบ

1.กรีกโยเกิร์ต (ยิ่งเป็นสูตรธรรมชาติ ปราศจากสารเสริมก็ยิ่งเพิ่มความสุขภาพดีไปอีก)

2.น้ำเชื่อมหรือไซรัปผลไม้ (ถ้าใครไม่ชอบหวาน จะไม่ใส่ก็ไม่ว่ากันนะคะ)

3.เนื้อผลไม้ (เลือกเป็นผลไม้ตามฤดูกาลตามชอบได้เลย แต่ถ้าใช้เป็นผลไม้สด จะให้กลิ่นรสที่ดีกว่าผลไม้แช่แข็งนะคะ)

วิธีทำ

1.ผสมกรีกโยเกิร์ตน้ำเชื่อมและเนื้อผลไม้ลงในโถปั่น แล้วปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

2.ทส่วนผสมลงในแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ จัดการเสียบไม้ให้เรียบร้อย น้ำไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นประมาณ 6 ชั่วโมงหรือแช่ข้ามคืนไปเลยก็ได้ค่ะ

3.เมื่อไอศกรีมเซ็ทตัวดีแล้วนำออกมาค่อยๆแกะออกจากพิมพ์ได้เลยค่ะ ถ้าแกะยากให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดบริเวณด้านนอกของแม่พิมพ์ก็จะทำให้แกะได้ง่ายขึ้นค่ะ

เท่านี้ก็ได้ไอศกรีมโยเกิร์ตโฮมเมดแสนอร่อยไว้ทานที่บ้านแล้ว จะทานกันในครอบครัวหรือจะเสิร์ฟเป็นของว่างสำหรับแขกผู้มาเยือนก็เก๋ไก๋ไม่เหมือนใครเลยล่ะค่ะ นอกจากอร่อยสดชื่น ยังได้ประโยชน์จากโยเกิร์ตช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย ได้โปรตีนจากรีกโยเกิร์ตและวิตามินจากผลไม้อีกด้วย ลองไปทำงานกันดูได้ผลเป็นอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

On Key

Related Posts